แต่เราว่าอันนี้ควรเป็นอันดับ 1 มากกว่า แต่ไหงไม่มีติดเลยอะ
The Kennedy's murdered
การฆาตกรรมตระกูลเคนเนดี้
คิดว่าหลายคนคงรู้จักนะ เกี่ยวกับการฆาตกรรมประธานาธิบดีของสหรัฐ จอนห์ เอฟ. เคนเนดี้
เอาเปงว่ามาดูประวัติของนายจอนห์ เคเนดี้คนนี้กันดีกว่า (เปิดข้อมูล = =a)
เขาเกิดเมื่อ 20 พค. 1917 ที่เมืองบรู๊กลิน รัฐแมสซาชูเซตส์ นิวยอร์ก โดยถูกตั้งชื่อตามคุณตาที่เป็ฯนักการเมืองที่มีชื่อเสียง
เขาถูกรับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีในปี 1961 ด้วยคะแนนเสียงสูงสุดเป็ฯประวัติการและเป็นคนที่ดำรงตำแหน่งด้วยอายุที่น้อยที่สุดอีกด้วย
จอนห์เป็นเจ้าของของคำพูดอมตะ "จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองก่อนว่า ท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติ"
เขาแสดงความสามารถให้เห็นโดยการทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง อีกทั้งกำจัดปัญหาการแบ่งแยกชนสีผิวได้อย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งนโยบายกระจายอำนาจสู่ภูมิภาคต่างๆ อีกทั้งการต่อการคอมมิวนิสที่รุนแรงโดยการเพิ่มศักยภาพทางทหารขึ้นอย่างไม่เคยมีการก่อน
แต่ความจริงนั้น จอนห์มีสุขภาพที่ไม่ดีมาตั้งแต่เด็กๆ เวลาขึ้นปราศัย แถลงการ หรือเข้าประชุมเรื่องสำคัญๆ เขาถึงต้องขนาดให้ฉีดมอร์ฟีนเข้าไขสันหลังงเพื่อระงับความปวดไว้ และเลขานุการของเขายังต้องมีประเป๋าพกมอร์ฟีนและยาต่างๆ เพื่อที่จะให้เขาสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
อ่าว ข้อมูลหมด -*-
เขาถูกมือปืนลอบสังหารขณะ ออกเยี่ยมประชาชน วันที่ 22 พฤศจิกายน 1963 กระสนปริศนาเจาะทะลุศีรษะเขาไปอย่างแม่นยำ ปิดชีวิตประธานาธิบดีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสรหัฐลง
ใครฆ่าเขา?
ช่วงบ่ายของวันที่ 22 พฤศจิกายน 1963 หรือวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีเคนนาดี้ถูกลอบสังหารนั้น ชาวอเมริกันได้รับรู้ถึงการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยนามว่า Lee Harvey Oswald ชายหนุ่มอายุ 24 ปีผู้นี้ได้ยิงตำรวจเสียชีวิตก่อน จะนั่งรถแท็กซี่หนีเข้าไปในโรงหนังแท็กซัสโดยไม่จ่ายค่าตั๋วดูหนัง ทำให้คนเก็บเงินโทรศัพท์เรียกตำรวจ
แต่แล้วก่อนที่จะถูกดำเนินคดีวันที่ 24 คือสองวันต่อจากนั้น ออสวาลด์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปส่งเข้าคุกที่อยู่ใกล้ กับสถานีตำรวจดัลลัส เพราะได้รับจดหมายขู่ฆ่า ขณะที่เขาและตำรวจที่คุมตัวอย่างแข็งขันเดินลงมาจากลิฟท์มายังที่จอดรถใต้ดินของรถพัก ท่ามกลางบรรดาผู้สื่อข่าวจำนวนมาก Jack Ruby เจ้าของกาสิโนและผู้กว้างขวางย่านนั้นก็วิ่งเข้าไปยิงออสวาลด์อย่างอุอาจ ท่ามกลางสายตาของชาวอเมริกันนับล้านคนผ่านกล้องโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสด ออสวาลด์บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
รูบี้ อ้างว่าเพราะต้องการช่วยเหลือแจ็คกี้ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแบบสด ๆ ร้อน ๆ ไม่ให้ต้องทนทุกข์ทรมานกับขบวนการขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งแน่นอนว่าคำอ้างของเขาฟังไม่ขึ้น แต่รูบี้ก็ป่วยตายก่อนจะถูกนำขึ้นศาล มีชาวอเมริกันไม่น้อยที่สงสัยว่า ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเขาเพื่อที่จะฆ่าตัดตอนออสวาลด์เป็นแน่
แต่เรื่องราวทั้งหมดพึ่งเริ่มต้นขึ้น ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่านายLee Harvey Oswald จะเป็นคนลอบสังหาร และการที่นายJack Ruby ทำนั้นเหมือนเป็นการตัดตอน แต่ในที่สุดคดีนี้ก็ปิดลง เนื่องจากฆาตกรตายแล้ว แต่ความจริงเป็นเช่นไรนั้น ไม่มีใครรู้
และนี่คือข้อสันนิษฐานในแรงจู.ใจของการลอบสังหาร
1.รองประธานาธิบดีจอห์นสัน ซึ่งได้ข่าวระแคะระคายว่า เคนนาดี้จะไม่เอาเขามาเป็นคู่หูในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1965 แถมตอนที่เคนนาดี้ยังเป็นประธานาธิบดี จอห์นสัน เองยังต้องคดีเรื่องทุจริตอยู่หลายคดี เมื่อจอห์นสันได้เป็นประธานาธิบดีเรื่องพวกนี้ก็หายไปในกลีบเมฆ นอกจากนี้จอห์นสันและ ฮูเวอร์ยังพยายามทำให้สาธารณชนเชื่อว่า ออสวาลด์เป็นคนฆ่าเพียงคนเดียว แฟ้มทั้งหมดของการสืบสวนการลอบสังหารของคณะกรมการ Warren ถูกห่อเก็บไว้ภายใต้คำสั่งของจอห์นสันจะเปิดออกมาดูได้ก็ต่อปี 2093
2. พวกมาเฟียที่สูญเสียผลประโยชน์จากการยึดประเทศของคาสโตร และเคนนาดี้ทำปฏิบัติการ Bay of Pigs ในการโค้นล้มคาสโตรไม่สำเร็จ ทำให้คนเหล่านั้นโมโหเป็นยิ่งนัก
3. นอกจากนี้ข้อสอง ยังโยงมายัง ฮูเวอร์ผู้อำนวยการ FBI ผู้เกลียดชังเคนนาดี้ ที่ต้องการจำกัดอายุของผู้อำนวยการ FBI ให้ไม่เกิน 70 ปี ถ้าหากเคนนาดี้ได้รับการรับเลือกตั้งอีกครั้ง ฮูเวอร์จะต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่เมื่อจอห์นสันเป็นประธานาธิบดี เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการเอฟบีไอ ตลอดชีพ ถึงแม้ ฮูเวอร์จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสังหารโดยตรง แต่เขาอาจจะรู้ว่าเป็นฝีมือของมาเฟียซึ่ง Blackmail เขาเกี่ยวกับความเป็นพวกรักร่วมเพศ จึงเงียบไว้ก่อนดีกว่า
4. พวกคิวบา อาจจะเป็นพวกคิวบาพลัดถิ่นที่โกรธแค้นเคนนาดี้ที่ไม่ยอมช่วยเหลือพวกเขาใน ปฏิการ Bay of Pigs หรืออาจจะเป็นฝีมือของคาสโตรที่ต้องการล้างแค้นเคนนาดี้ ซึ่งพยายามจะลอบสังหารเขา
5. เป็นฝีมือของครูซชอฟหรือพวกผู้นำหัวรุนแรงในเครมลิน แต่ทฤษฎีนี้อ่อนเกินไป ฯลฯ )
credit: มอง CEO โลก (วิกรม กรมดิษฐ์)
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=historyandphilosophy&date=08-01-2006&group=3&gblog=27